เปรียบเทียบบต้นทุนระบบทำความเย็นแบบต่างๆ สำหรับโรงงาน

เปรียบเทียบบต้นทุนระบบทำความเย็นแบบต่างๆ สำหรับโรงงาน

เคล็ดลับธุรกิจ

เคล็ดลับธุรกิจ


ติดต่อเรา

Thai

คู่มือการเลือกระบบความเย็น

กำลังมองหาระบบทำความเย็นสำหรับโรงงานที่ประหยัดและคุ้มค่า? บทความนี้จะช่วยคุณเปรียบเทียบต้นทุนของระบบทำความเย็นแบบต่างๆ ตั้งแต่ค่าลงทุนเริ่มต้น ค่าไฟฟ้า ไปจนถึงค่าบำรุงรักษา เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกระบบที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณได้อย่างมั่นใจ

📊 เปรียบเทียบระบบทำความเย็นหลักทั้ง 5 แบบ


ระบบ

ลงทุนเริ่มต้น

ค่าไฟต่อเดือน*

เหมาะกับ

ความคุ้มค่า

พัดลมไอเย็น (Evaporative Cooling)

⭐⭐⭐⭐⭐

ต่ำสุด

⭐⭐⭐⭐⭐

23,000-35,000 บาท

โรงงานพื้นที่โล่ง

⭐⭐⭐⭐⭐

Water Cooled Chiller

⭐⭐⭐

ปานกลาง

⭐⭐⭐⭐

265,000-302,000 บาท

โรงงานขนาดใหญ่

⭐⭐⭐⭐

Air Cooled Chiller

⭐⭐⭐⭐

ค่อนข้างต่ำ

⭐⭐


403,000-461,000 บาท

โรงงานขนาดกลาง

⭐⭐⭐

VRF System

⭐⭐⭐

ปานกลาง

⭐⭐⭐

288,000-374,000 บาท

สำนักงาน/ห้องควบคุม

⭐⭐⭐

Ammonia System

สูงมาก

⭐⭐⭐⭐ 245,000-288,000 บาท

โรงงานแช่แข็ง

⭐⭐⭐

*คำนวณจากระบบขนาด 100 ตัน ใช้งาน 24 ชม./วัน

🎯 ควรเลือกระบบไหนดี?

  • เน้นประหยัดค่าไฟสูงสุด + พื้นที่โรงงานโล่ง มีอากาศถ่ายเท พัดลมไอเย็น (Evaporative Cooling)

  • พื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ + ต้องการความเย็นสูง Water Cooled Chiller

  • โรงงานขนาดกลาง + พื้นที่จำกัด + มีปัญหาเรื่องน้ำ?Air Cooled Chiller

  • โรงงานอาหารแช่แข็ง + ต้องการอุณหภูมิต่ำมาก (-30°C ขึ้นไป)?Ammonia System

  • สำนักงานในโรงงาน + ต้องการควบคุมแยกห้องVRF System

1. ระบบพัดลมไอเย็น (Evaporative Cooling): ตัวเลือกประหยัดที่สุดสำหรับพื้นที่โล่ง

หลักการทำงาน

พัดลมไอเย็นใช้หลักการระเหยตัวของน้ำเพื่อลดอุณหภูมิอากาศตามธรรมชาติ อากาศร้อนจะถูกดูดผ่านแผ่นรังผึ้งที่เปียกน้ำ น้ำจะระเหยและดูดความร้อนออกไป ทำให้อุณหภูมิลดลง 5-15 องศาเซลเซียส

ต้นทุน

💰 ต้นทุนเริ่มต้น (ต่อเครื่อง)

  • ราคาเครื่อง: 150,000-500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด)

  • ค่าติดตั้ง: 30,000-80,000 บาท

  • ระบบท่อลม (ถ้ามี): 50,000-150,000 บาท

  • รวมต้นทุนเริ่มต้น: 230,000-730,000 บาท/เครื่อง

⚡ ต้นทุนพลังงาน (ต่อเครื่อง 40,000 m³/h)

  • กำลังไฟฟ้า: 1.1-1.5 kW (ประหยัดถึง 85% เมื่อเทียบกับแอร์)

  • ค่าไฟต่อชั่วโมง: 4.4-6 บาท

  • ค่าไฟต่อเดือน: 3,168-4,320 บาท (ใช้งาน 24 ชม.)

  • ค่าน้ำต่อเดือน: 1,000-2,000 บาท

  • รวมต้นทุนรายเดือน: 4,000-6,500 บาท/เครื่อง

🔧 ต้นทุนบำรุงรักษา

  • ทำความสะอาดแผ่นรังผึ้ง: 1-2 สัปดาห์/ครั้ง (ทำเองได้)

  • เปลี่ยนแผ่นรังผึ้ง: 8,000-15,000 บาท/2-3 ปี

  • เปลี่ยนปั๊มน้ำ: 3,000-8,000 บาท/2-3 ปี

  • รวมต้นทุนบำรุงรักษา: 5,000-10,000 บาท/ปี/เครื่อง

ข้อดีที่โดดเด่น ✅

  1. ประหยัดค่าไฟสุดๆ - ใช้ไฟเพียง 10-15% ของระบบแอร์ทั่วไป

  2. ลงทุนต่ำ - ราคาเครื่องและติดตั้งถูกกว่าระบบอื่นมาก

  3. ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว - ไม่ต้องงานโยธาซับซ้อน

  4. ดูแลรักษาง่าย - พนักงานทั่วไปสามารถดูแลได้

  5. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม - ไม่ใช้สารทำความเย็น ใช้แค่น้ำธรรมดา

  6. เพิ่มออกซิเจนและความชื้น - อากาศไม่แห้งเหมือนแอร์

ข้อควรพิจารณา ⚠️

  • เหมาะกับพื้นที่โล่งที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี

  • ไม่เหมาะกับห้องปิดสนิท

  • ความเย็นน้อยกว่าแอร์ (ลดอุณหภูมิได้ 5-15°C)

  • เพิ่มความชื้นในอากาศ (ไม่เหมาะกับพื้นที่ต้องการความชื้นต่ำ)

  • ประสิทธิภาพลดลงในวันที่อากาศชื้นมาก

เหมาะสมกับโรงงานประเภทไหน? 🏭

เหมาะมาก:

  • โรงงานผลิตที่มีพื้นที่โล่ง

  • โรงงานประกอบ/แพ็คกิ้ง

  • คลังสินค้า/โกดัง

  • โรงงานสิ่งทอ/เย็บผ้า

  • โรงงานเฟอร์นิเจอร์/งานไม้

  • โรงงานพลาสติก (ยกเว้นส่วนแม่พิมพ์)

  • ร้านซ่อมรถ/อู่ซ่อมเครื่องจักร

ไม่เหมาะ:

  • ห้อง Clean Room

  • โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องควบคุมความชื้น

  • พื้นที่ผลิตที่ต้องการอุณหภูมิต่ำมาก (ต่ำกว่า 20°C)

กรณีศึกษาความสำเร็จ 📈

โรงงานประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ จ.ระยอง

  • พื้นที่: 3,000 ตารางเมตร

  • ติดตั้งพัดลมไอเย็น 8 เครื่อง

  • ค่าลงทุนรวม: 2.8 ล้านบาท

  • ค่าไฟต่อเดือน: 35,000 บาท (เทียบกับแอร์ที่คาดว่าจะเป็น 250,000 บาท)

  • ประหยัดค่าไฟ 215,000 บาท/เดือน หรือ 2.58 ล้านบาท/ปี

  • คืนทุนภายใน 1 ปี 1 เดือน

2. ระบบชิลเลอร์ (Chiller): สำหรับโรงงานที่ต้องการความเย็นสูง

Water Cooled Chiller (ระบายความร้อนด้วยน้ำ)

💰 ต้นทุน (100 ตัน)

  • ลงทุนเริ่มต้น: 1.6-2.4 ล้านบาท (รวมหอหล่อเย็น)

  • ค่าไฟต่อเดือน: 265,000-302,000 บาท

  • ค่าบำรุงรักษาต่อปี: 120,000-180,000 บาท

ข้อดี:

  • ประสิทธิภาพสูงสุด (0.62-0.75 kW/ตัน)

  • ประหยัดไฟได้ 40-50% เมื่อเทียบกับ Air Cooled

  • เหมาะกับโรงงานขนาดใหญ่

ข้อเสีย:

  • ลงทุนสูง ต้องสร้างหอหล่อเย็น

  • ต้องใช้น้ำและบำบัดน้ำต่อเนื่อง

  • บำรุงรักษาซับซ้อน

Air Cooled Chiller (ระบายความร้อนด้วยอากาศ)

💰 ต้นทุน (100 ตัน)

  • ลงทุนเริ่มต้น: 1.7-2.5 ล้านบาท

  • ค่าไฟต่อเดือน: 403,000-461,000 บาท

  • ค่าบำรุงรักษาต่อปี: 80,000-120,000 บาท

ข้อดี:

  • ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้น้ำ

  • เหมาะกับพื้นที่จำกัด

  • บำรุงรักษาง่ายกว่า Water Cooled

ข้อเสีย:

  • ค่าไฟสูงสุดในกลุ่มชิลเลอร์

  • ประสิทธิภาพลดลงเมื่ออากาศร้อน

เหมาะกับ: โรงงานพลาสติก, โรงงานอาหาร, โรงงานเคมี, โรงงานอิเล็กทรอนิกส์

3. ระบบอื่นๆ (สรุปสั้น)

VRF System

  • ลงทุน: 480,000-820,000 บาท (20 แรงม้า)

  • ค่าไฟต่อเดือน: 288,000-374,000 บาท

  • เหมาะกับ: สำนักงานในโรงงาน, ห้องควบคุม, ห้องประชุม

Ammonia System

  • ลงทุน: 10-15 ล้านบาท (500 ตัน)

  • ค่าไฟต่อเดือน: 245,000-288,000 บาท

  • เหมาะกับ: โรงงานอาหารแช่แข็ง, โรงงานผลิตน้ำแข็ง

  • หมายเหตุ: ต้องมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะแอมโมเนียเป็นสารพิษ

📊 ตารางเปรียบเทียบต้นทุนรวม 10 ปี (TCO)


ระบบ

ลงทุนเริ่มต้น

ค่าไฟ 10 ปี

ค่าบำรุง 10 ปี

TCO รวม 10 ปี

ต้นทุนต่อปี

พัดลมไอเย็น (10 เครื่อง)

3,500,000

5,000,000

600,000

9,100,000

910,000

Water Cooled Chiller (100 ตัน)

2,200,000

32,000,000

1,500,000

35,700,000

3,570,000

Air Cooled Chiller (100 ตัน)

2,000,000

49,500,000

1,000,000

52,500,000

5,250,000

สรุป: พัดลมไอเย็นมีต้นทุนรวมต่ำที่สุดถึง 74% เมื่อเทียบกับ Air Cooled Chiller และ 74% เมื่อเทียบกับ Water Cooled Chiller

🎯 คู่มือเลือกระบบแบบเบื้องต้น


ขั้นตอนที่ 1: ประเมินความต้องการ

  1. โรงงานของคุณมีพื้นที่แบบไหน?

    • โล่ง มีอากาศถ่ายเท → พัดลมไอเย็น

    • ปิด ควบคุมอุณหภูมิเข้มงวด → Chiller หรือ VRF


  2. ต้องการลดอุณหภูมิเท่าไหร่?

    • 5-15°C ก็พอ → พัดลมไอเย็น

    • ต้องการ 18-22°C คงที่ → Chiller หรือ VRF

    • ต้องการต่ำกว่า 0°C → Ammonia System


  3. งบประมาณเท่าไหร่?

    • งบจำกัด ต้องการคืนทุนเร็ว → พัดลมไอเย็น

    • งบสูง พร้อมลงทุนระยะยาว → Water Cooled Chiller


  4. มีข้อจำกัดเรื่องน้ำไหม?

    • มีน้ำใช้ → พัดลมไอเย็น หรือ Water Cooled Chiller

    • น้ำจำกัด → Air Cooled Chiller


  5. ใช้งานกี่ชั่วโมงต่อวัน?

    • น้อยกว่า 8 ชม. → VRF หรือ Air Cooled

    • 12-24 ชม. → พัดลมไอเย็น หรือ Water Cooled Chiller

ขั้นตอนที่ 2: คำนวณต้นทุนจริง

ใช้สูตรง่ายๆ นี้:

ตัวอย่าง: พัดลมไอเย็น 5 เครื่อง


ขั้นตอนที่ 3: พิจารณาปัจจัยอื่น

พื้นที่ติดตั้ง - มีพื้นที่เพียงพอไหม?

โครงสร้างอาคาร - รับน้ำหนักได้ไหม?

ระบบไฟฟ้า - แรงดันและกำลังเพียงพอไหม?

การบำรุงรักษา - มีช่างดูแลไหม?

ความต้องการในอนาคต - จะขยายโรงงานไหม?

เคล็ดลับประหยัดต้นทุนระบบทำความเย็น

1. เลือกขนาดที่เหมาะสม

  • อย่าซื้อใหญ่เกินความจำเป็น ระบบใหญ่เกิน = สิ้นเปลืองไฟ

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวณความต้องการที่แท้จริง

2. บำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ

  • ทำความสะอาดเป็นประจำช่วยประหยัดไฟถึง 15-25%

  • ระบบที่ดูแลดีใช้งานได้นานกว่า

3. ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ

  • ติดตั้ง Timer และ Thermostat

  • ลดการใช้งานเมื่อไม่จำเป็น

4. ปรับปรุงฉนวนกันความร้อน

  • ฉนวนหลังคาและผนังช่วยลดภาระระบบทำความเย็น

  • ลดต้นทุนพลังงานได้ถึง 20-30%

5. พิจารณาใช้หลายระบบร่วมกัน

  • เช่น ใช้พัดลมไอเย็นในพื้นที่ผลิต + VRF ในสำนักงาน

  • ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดที่สุด

สรุป: ระบบไหนคุ้มค่าที่สุด?

สำหรับโรงงานส่วนใหญ่ในประเทศไทย

🥇 อันดับ 1: พัดลมไอเย็น (Evaporative Cooling)

  • ต้นทุนรวมต่ำที่สุด

  • ประหยัดค่าไฟ 75-85%

  • คืนทุนเร็วที่สุด (6 เดือน - 2 ปี)

  • เหมาะกับสภาพอากาศไทย

  • ข้อจำกัด: เหมาะกับพื้นที่โล่งเท่านั้น

🥈 อันดับ 2: Water Cooled Chiller

  • คุ้มค่าสำหรับโรงงานขนาดใหญ่

  • ประหยัดไฟในระยะยาว

  • เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง 24 ชม.

  • ข้อจำกัด: ลงทุนสูง บำรุงรักษาซับซ้อน

🥉 อันดับ 3: Air Cooled Chiller

  • ติดตั้งง่าย เหมาะกับพื้นที่จำกัด

  • ไม่ต้องใช้น้ำมาก

  • ข้อจำกัด: ค่าไฟสูง ไม่คุ้มในระยะยาว

สินค้าแนะนำ

สินค้าแนะนำ

CHAT WITH US

เรายินดีให้คำปรึกษา

ทุกเรื่องระบบไอเย็น

เรายินดีให้คำปรึกษา

ทุกเรื่องระบบไอเย็น

เรายินดีให้คำปรึกษา

ทุกเรื่องระบบไอเย็น

ผู้เชี่ยวชาญ SNOW COOL ยินดีให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ

ติดตั้ง และแนะนำสินค้าที่เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

ผู้เชี่ยวชาญ SNOW COOL ยินดีให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ ติดตั้ง และแนะนำสินค้าที่เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

SNOW COOL

by Siampart Products

บริษัท สยามพาร์ท โพรดักส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม และเจ้าของผลิตภัณฑ์ “เครื่องระบายความร้อนด้วยไอเย็น“ สโนว์คูล (Snow Cool) ที่สามารถลดอุณหภูมิปกติให้เย็นลง 4-8 องศา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่ถ่ายเทอากาศได้สะดวก สถานที่โล่ง หรือติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม มอก.934-2558 

© 2025 Siampart Products Co., Ltd All rights reserved

SNOW COOL

by Siampart Products

บริษัท สยามพาร์ท โพรดักส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม และเจ้าของผลิตภัณฑ์ “เครื่องระบายความร้อนด้วยไอเย็น“ สโนว์คูล (Snow Cool) ที่สามารถลดอุณหภูมิปกติให้เย็นลง 4-8 องศา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่ถ่ายเทอากาศได้สะดวก สถานที่โล่ง หรือติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม มอก.934-2558 

© 2025 Siampart Products Co., Ltd All rights reserved

SNOW COOL

by Siampart Products

บริษัท สยามพาร์ท โพรดักส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม และเจ้าของผลิตภัณฑ์ “เครื่องระบายความร้อนด้วยไอเย็น“ สโนว์คูล (Snow Cool) ที่สามารถลดอุณหภูมิปกติให้เย็นลง 4-8 องศา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่ถ่ายเทอากาศได้สะดวก สถานที่โล่ง หรือติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม มอก.934-2558 

© 2025 Siampart Products Co., Ltd All rights reserved

Thai